วัดอัตรากำไรธุรกิจ 13 หุ้น กลุ่มพัฒนาอสังหาฯ ปี 2563
กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP) เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มูลค่าตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างโดดเด่นถึง 13% (SET +8%) ซึ่งแม้เมื่อดูถึงผลการดำเนินงานในปี 2563 ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำไรปรับตัวลดลง
(อ่านได้ที่ > เช็คกำไรสุทธิ 12 หุ้น กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปี 2563 )
.
โพสนี้จึงจะมาเจาะลึกหุ้นในกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ ทั้ง 13 หุ้น โดยเปรียบเทียบความสามารถในการทำกำไร ทั้งอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit) เพื่อดูในภาพรวมของธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ ว่าใครอยู่ตรงไหนในตลาด จะได้เลือกลงทุนกันได้อย่างถูกใจ
.
[ คำอธิบายกราฟ (Scatter Plot) โดยให้แนวนอน (แกน x) คือ อัตรากำไรขั้นต้น และแนวตั้ง (แกน y) คือ อัตรากำไรสุทธิ และเส้นปะสีฟ้า คือค่าเฉลี่ยของทั้ง 13 หุ้น
โดยอัตรากำไรขั้นต้น จะสะท้อนประสิทธิภาพในการจัดการต้นทุนของธุรกิจ อีกทั้งยังแสดงถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่มีต่อผู้บริโภค รวมทั้งกลยุทธ์ที่บริษัทเลือกใช้ในช่วงปีที่ผ่านมา (ต้นทุนต่ำ, ความแตกต่าง, เฉพาะกลุ่ม)
ในขณะที่กำไรสุทธิ บอกถึงประสิทธิภาพในการจัดการดำเนินธุรกิจทั้งหมด ทั้งในเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ดอกเบี้ยจ่าย เป็นต้น
ข้อสรุปจากกราฟ
1. หุ้นที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ที่ทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าค่าเฉลี่ยมี 5 บริษัท คือ SENA, ORI, LALIN, SPALI และ NOBLE
2. หุ้นที่อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ยังมีอัตรากำไรสุทธิที่สูง มี 2 บริษัท คือ LH, QH
3. หุ้นที่เหนื่อยหน่อยเพราะมีทั้งอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิต่ำกว่าค่าเฉลี่ย มี 6 บริษัท คือ AP, SC, PSH, LPN, SIRI และ ANAN ]
.
นอกจากนี้ ยังให้ภาพของการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นทั้ง 13 หุ้น ณ วันที่ 25/3/2564 เทียบกับสิ้นปี 2563 ว่าตัวไหนเพิ่มมาก เพิ่มน้อยขนาดไหน
.
ลำดับหุ้นที่มี อัตรากำไรขั้นต้น สูงสุด
1. NOBLE 39.11%
2. LALIN 39.08%
3. SPALI 38.11%
4. ORI 36.09%
5. SENA 33.65%
6. QH 32.08%
7. PSH 32.03%
8. LH 31.71%
9. AP 30.12%
10. SC 29.33%
11. LPN 28.62%
12. SIRI 25.03%
13. ANAN 18.4%
.
ลำดับหุ้นที่มี อัตรากำไรสุทธิ สูงสุด
1. SENA 24.64%
2. ORI 22.72%
3. LALIN 22.52%
4. LH 21.02%
5. SPALI 20.27%
6. QH 19.47%
7. NOBLE 17.1%
8. AP 13.25%
9. SC 9.96%
10. LPN 9.61%
11. PSH 9.39%
12. SIRI 4.72%
13. ANAN -3.94%
.
ลำดับหุ้นที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของราคามากสุด
1. LALIN 41.5%
2. ANAN 28.42%
3. SIRI 28.4%
4. SENA 21.51%
5. SC 14.39%
6. AP 13.1%
7. ORI 11.26%
8. LPN 10.52%
9. LH 8.81%
10. QH 7.76%
11. SPALI 5.85%
12. PSH 4.8%
13. NOBLE 2.82%
.
สรุปรายละเอียด (ข้อมูลเรียงลำดับจากอัตราการเพิ่มขึ้นของราคามากสุด)
.
1. LALIN : บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 39.08% และมีอัตรากำไรสุทธิ 22.52%
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 9,620 ล้านบาท ราคาปิดที่ 10.4 บาท เพิ่มขึ้น 3.05 บาท จาก 7.35 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 41.5% โดยมีค่า PE เท่ากับ 7.15 เท่า และอัตราปันผลที่ 5.87%
.
2. ANAN : บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 18.4% และมีอัตรากำไรสุทธิ -3.94%
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 8,133 ล้านบาท ราคาปิดที่ 2.44 บาท เพิ่มขึ้น 0.54 บาท จาก 1.9 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 28.4% โดยมีค่า PE เท่ากับ NA เท่า และอัตราปันผลที่ NA (เนื่องจากปี 2563 มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน)
.
3. SIRI : บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 25.03% และมีอัตรากำไรสุทธิ 4.72%
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 15,457 ล้านบาท ราคาปิดที่ 1.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.23 บาท จาก 0.81 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 28.4% โดยมีค่า PE เท่ากับ 9.24 เท่า และอัตราปันผลที่ 3.85%
.
4. SENA : บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 33.65% และมีอัตรากำไรสุทธิ 24.64%
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 5,965 ล้านบาท ราคาปิดที่ 4.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.74 บาท จาก 3.44 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 21.5% โดยมีค่า PE เท่ากับ 5.38 เท่า และอัตราปันผลที่ 7.51%
.
5. SC : บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 29.33% และมีอัตรากำไรสุทธิ 9.96%
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 13,307 ล้านบาท ราคาปิดที่ 3.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.4 บาท จาก 2.78 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 14.4% โดยมีค่า PE เท่ากับ 6.93 เท่า และอัตราปันผลที่ 5.69%
.
6. AP : บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 30.12% และมีอัตรากำไรสุทธิ 13.25%
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 25,796 ล้านบาท ราคาปิดที่ 8.2 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท จาก 7.25 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 13.1% โดยมีค่า PE เท่ากับ 6.14 เท่า และอัตราปันผลที่ 5.49%
.
7. ORI : บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 36.09% และมีอัตรากำไรสุทธิ 22.72%
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 20,604 ล้านบาท ราคาปิดที่ 8.4 บาท เพิ่มขึ้น 0.85 บาท จาก 7.55 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 11.3% โดยมีค่า PE เท่ากับ 7.74 เท่า และอัตราปันผลที่ 5.83%
.
8. LPN : บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 28.62% และมีอัตรากำไรสุทธิ 9.61% โดยมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 7600 ล้านบาท
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 7,600 ล้านบาท ราคาปิดที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.49 บาท จาก 4.66 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 10.5% โดยมีค่า PE เท่ากับ 10.35 เท่า และอัตราปันผลที่ 27.18%
.
9. LH : บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 31.71% และมีอัตรากำไรสุทธิ 21.02% โดยมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 103365 ล้านบาท
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 103,365 ล้านบาท ราคาปิดที่ 8.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.7 บาท จาก 7.95 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 8.8% โดยมีค่า PE เท่ากับ 14.39 เท่า และอัตราปันผลที่ 5.78%
.
10. QH : บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 32.08% และมีอัตรากำไรสุทธิ 19.47% โดยมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 26786 ล้านบาท
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 26,786 ล้านบาท ราคาปิดที่ 2.5 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท จาก 2.32 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 7.8% โดยมีค่า PE เท่ากับ 12.41 เท่า และอัตราปันผลที่ 4.84%
.
11. SPALI : บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 38.11% และมีอัตรากำไรสุทธิ 20.27% โดยมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 46505 ล้านบาท
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 46,505 ล้านบาท ราคาปิดที่ 21.7 บาท เพิ่มขึ้น 1.2 บาท จาก 20.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 5.9% โดยมีค่า PE เท่ากับ 9.94 เท่า และอัตราปันผลที่ 4.61%
.
12. PSH : บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 32.03% และมีอัตรากำไรสุทธิ 9.39% โดยมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 28669 ล้านบาท
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 28,669 ล้านบาท ราคาปิดที่ 13.1 บาท เพิ่มขึ้น 0.6 บาท จาก 12.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 4.8% โดยมีค่า PE เท่ากับ 10.19 เท่า และอัตราปันผลที่ 7.33%
.
13. NOBLE : บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
มีอัตรากำไรขั้นต้น เท่ากับ 39.11% และมีอัตรากำไรสุทธิ 17.1% โดยมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 11640 ล้านบาท
โดยวันที่ 25-3-2564 มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 11,640 ล้านบาท ราคาปิดที่ 8.5 บาท เพิ่มขึ้น 0.23 บาท จาก 8.27 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 2.8% โดยมีค่า PE เท่ากับ 6.24 เท่า และอัตราปันผลที่ 10.2%
.
หมายเหตุ
1. อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) คิดเฉพาะรายได้และต้นทุนในธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างชัดเจน
2. อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit) คิดในภาพรวมของธุรกิจทั้งหมด (รวมทั้งรายได้จากธุรกิจอื่น ๆ รายได้อื่น ๆ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน เป็นต้น)
3. บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ มีรายได้ที่ไม่ใช่เฉพาะจากธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
4. โพสนี้จัดทำขึ้นเพื่่อใช้เป็นแนวทางในการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำว่าบริษัทไหนน่าลงทุนกว่าบริษัทไหน หรือผลตอบแทนการลงทุนจะไม่เปลี่ยนไป เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้สนใจควรต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุนเสมอนะครับ
.
.
สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่
website : https://iyom-bizinspiration.com
facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration