ส่องผลการดำเนินงาน Q1 2564 15 หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า
สำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าทั้ง 15 บริษัท มีรายได้รวมเท่ากับ 70,206 ล้านบาท ลดลง 3,889 ล้านบาท หรือลดลง 5.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว
โดยมีบริษัทที่รายได้เพิ่มขึ้นมีเพียง 7 บริษัทเท่านั้น คือ GULF, TPIPP, SUPER, GUNKUL, CKP, WHAUP และ SSP
.
แต่ในส่วนกำไรสุทธิทั้ง 15 บริษัท อยู่ที่ 13,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาได้ 5,343 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 68% โดยมีบริษัทที่กำไรสุทธิเพิ่มสูงกว่าเท่าตัว (มากว่า 100%) ถึง 5 บริษัท คือ BGRIM, GULF, EGCO, CKP และ WHAUP
.
ดังนั้น โพสนี้จะมาส่องดูผลการดำเนินงานของ 15 หุ้นในกลุ่มนี้ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ว่าแต่ละบริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นลดลงจากอะไร และราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563
.
ข้อสังเกตุ
1. กำไรสุทธิของธุรกิจในกลุ่มโรงไฟฟ้า นอกจากขึ้นกับผลการดำเนินงานของธุรกิจหลักแล้ว ยังขึ้นอยู่กับผลกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังขึ้นกับส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากบริษัทร่วมต่าง ๆ ด้วย จึงทำให้หลายบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงกว่ารายได้
.
(ข้อมูลเรียงลำดับจากบริษัทที่มีรายได้ใน Q1 2564 สูงสุด)
.
1. GPSC : บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 193,151 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 16,894.68 ล้านบาท ลดลง -9% หรือลดลง -1,593.93 ล้านบาท จาก 18,488.61 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลงจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงจากแผนการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 1,973.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% หรือเพิ่มขึ้น 393.59 ล้านบาท จาก 1,579.89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.7 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ลดลง เนื่องจากรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังนำ้ไซยะบุรีและกำไรจากการขายหุ้นในบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิลเพาเวอร์ รวมถึง เงินปันผลรับจากบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 68.5 บาท ลดลง -5.25 บาท จาก 73.75 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -7.1% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 24.44 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 2.19%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3sD7Lyq
.
2. BGRIM : บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 104,276 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 10,480.56 ล้านบาท ลดลง -7% หรือลดลง -834.70 ล้านบาท จาก 11,315.26 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลงเนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง
ซึ่งมีผลต่อค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment) อีกทั้ง รายได้ลดลงจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม เนื่องจากความเข้มแสงที่ลดลง และการลดปริมาณการรับซื้อไฟฟ้า
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 610.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 657% หรือเพิ่มขึ้น 530.26 ล้านบาท จาก 80.71 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.2 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ลดลง เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งในไตรมาสนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 302 ล้านบาท
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 40 บาท ลดลง -8.5 บาท จาก 48.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -17.5% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 38.55 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 1.1%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3p4EXfW
.
3. GULF : บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 384,261 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 9,035.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% หรือเพิ่มขึ้น 1,166.64 ล้านบาท จาก 7,868.50 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากรับรู้รายได้ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่ประเทศเยอมัน อีกทั้งรับรู้รายได้เต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าชีวมวล GCG
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 1,632.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 495% หรือเพิ่มขึ้น 2,045.41 ล้านบาท จาก -413.25 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.14 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว อฃีกทั้งในไตรมาสนี้ยังมีเงินปันผลรับจาก INTUCH จำนวน 683 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้าจำนวน 259 ล้านบาท
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 32.75 บาท ลดลง -1.5 บาท จาก 34.25 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -4.4% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 60.73 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 1.16%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3sFbBXO
.
4. RATCH : บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 72,500 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 7,237.43 ล้านบาท ลดลง -25% หรือลดลง -2,440.26 ล้านบาท จาก 9,677.69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลงเนื่องจากแผนการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 2,087.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% หรือเพิ่มขึ้น 727.04 ล้านบาท จาก 1,360.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 1.44 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ลดลง เนื่องจากควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งในไตรมาสนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 268 ล้านบาท
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 50 บาท ลดลง -3 บาท จาก 53 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -5.7% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 10.34 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 4.82%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3o0nHHw
.
5. EGCO : บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 89,236 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 7,109.14 ล้านบาท ลดลง -19% หรือลดลง -1,619.94 ล้านบาท จาก 8,729.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลงเนื่องจากแผนการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้า
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 585.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 242% หรือเพิ่มขึ้น 998.83 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ -413.37 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 1.11 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ลดลง เนื่องจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากไตรมาสที่แล้ว
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 169.5 บาท ลดลง -23 บาท จาก 192.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -11.9% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 9.17 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 3.82%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3p3crvf
.
6. EA : บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 217,273 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 4,706.43 ล้านบาท ลดลง -1% หรือลดลง -54.98 ล้านบาท จาก 4,761.41 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลงเนื่องจากรายได้ธุรกิจแบตเตอรี่ที่ประเทศ
ไต้หวันลดลง จากผลกระทบโควิด-19
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 1,411.85 ล้านบาท ลดลง -3% หรือลดลง -40.20 ล้านบาท จาก 1,452.06 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.38 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิลดลงมากกว่ารายได้ที่ลดลง เนื่องจากรายได้ที่ลดลงแล้ว ยังเกิดจากค่าใช้จ่ายบริหารที่เพิ่มขึ้น จากทั้งบุคลากรที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการบริหารงานโรงงานเพิ่มขึ้น
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 58.25 บาท เพิ่มขึ้น 9 บาท จาก 49.25 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 18.3% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 42.07 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 0.51%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/38WKdgb
.
7. TPIPP : บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 36,960 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 2,650.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% หรือเพิ่มขึ้น 115.31 ล้านบาท จาก 2,534.85 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 1,061.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% หรือเพิ่มขึ้น 93.88 ล้านบาท จาก 967.13 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.13 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งในไตรมาสนี้มีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 4.4 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท จาก 4.28 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 2.8% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 8.04 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 6.14%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3nW1D0N
.
8. SUPER : บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 26,255 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 2,330.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% หรือเพิ่มขึ้น 633.41 ล้านบาท จาก 1,697.10 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซี่งรายได้เพิ่มขึ้นจากมีการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าเต็มจํานวนของโครงการใหม่ 3 โครงการในประเทศเวียดนาม และรายได้ยังเพิ่มจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะ อีกทั้งรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น จากที่บริษัทย่อยได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อเดือน ตุลาคม 2563 จํานวน 80 ล้านบาท
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 860.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% หรือเพิ่มขึ้น 141.69 ล้านบาท จาก 718.57 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.03 บาทต่อหุ้น กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 0.96 บาท ลดลง 0 บาท จาก 0.96 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง 0% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 18.17 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 0.62%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3issOPq
.
9. GUNKUL : บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 32,332 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 2,323.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% หรือเพิ่มขึ้น 549.56 ล้านบาท จาก 1,773.55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นจาการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เต็มไตรมาส จำนวน 4 โครงการในประเทศเวียดนาม และรายได้จากส่วนงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น จากการรับรู้รายได้เกิดขึ้นจากการเข้าทําสัญญาก่อสร้างให้กับหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน (ก่อสร้างสถานีไฟฟ้า งานระบบไฟฟ้า งานก่อสร้างสายส่งบนดินและใต้ดิน) อีกทั้งยังรับรู้รายได้ (กำไร) การเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของตราสารอนุพันธ์เพิ่ม
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 608.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% หรือเพิ่มขึ้น 169.49 ล้านบาท จาก 439.10 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.07 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 3.64 บาท เพิ่มขึ้น 1.12 บาท จาก 2.52 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 44.4% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 8.93 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 5%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3ix9cdg
.
10. CKP : บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 44,712 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 2,111.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% หรือเพิ่มขึ้น 336.86 ล้านบาท จาก 1,774.96 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ผลจากมีปริมาณน้ำสะสม ณ ต้นปี 2564 และปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ามากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งยังมีรายได้ค่าบริหารโครงการเพิ่มขึ้นจากโครงการหลวงพระบาง
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 114.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% หรือเพิ่มขึ้น 454.13 ล้านบาท จาก -339.53 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.01 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น นอกจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นแล้ว ในไตรมาสนี้ยังรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (XPCL) ลดลง อีกทั้งค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงจากอัตราดอกเบี้ย ประกอบกันเงินต้นที่ลดลงจากการทยอยชำระเงินกู้อย่างต่อเนื่อง
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 5.5 บาท เพิ่มขึ้น 1.04 บาท จาก 4.46 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 23.3% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 52.06 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 0.65%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/36dYbsr
.
11. BPP : บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 54,554 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 1,811.64 ล้านบาท ลดลง -2% หรือลดลง -31.67 ล้านบาท จาก 1,843.31 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลงเนื่องจาก การปรบโครงสร้างการลงทุนของกลุ่มกิจการ จึงไม่ไดร้บรู้รายได ้ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตยในประเทศจีน และรายได้จากธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า (Energy Trading) ในประเทศญี่ปุ่น
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 1,034.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% หรือเพิ่มขึ้น 58.82 ล้านบาท จาก 975.35 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.34 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ที่ลดลงเนื่องจาก ไตรมาสหนึ่งของปีก่อน มีการบันทึกผลต่างจากการเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนจากการปรับโครงสร้างการลงทุนของธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน จำนวน -577 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสนี้ไม่มี
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 17.9 บาท เพิ่มขึ้น 2.8 บาท จาก 15.1 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 18.5% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 14.5 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 3.63%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/38W2iLk
.
12. ACE : บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 36,227 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 1,316.10 ล้านบาท ลดลง -13% หรือลดลง -204.75 ล้านบาท จาก 1,520.85 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลง เนื่องจากในไตรมาสหนึ่งของปีที่แล้ว มีรายได้พิเศษจากบริษัทย่อย ที่ได้เงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษประกันภัยจำนวน 171.9 ล้านบาท
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 360.33 ล้านบาท ลดลง -39% หรือลดลง -233.22 ล้านบาท จาก 593.55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.04 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิลดลง ซึ่งกำไรสุทธิลดลงเนื่องจากในไตรมาสที่หนึ่งของปีที่แล้วมีรายการายได้พิเศษที่เข้ามา
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 3.56 บาท ลดลง -0.08 บาท จาก 3.64 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -2.2% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 28.43 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 1.34%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3sJoTT5
.
13. BCPG : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 36,463 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 1,094.15 ล้านบาท ลดลง -10% หรือลดลง -127.89 ล้านบาท จาก 1,222.03 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ลดลงเนื่องจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงกว่า 300 ล้านบาท
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 523.36 ล้านบาท ลดลง -9% หรือลดลง -50.33 ล้านบาท จาก 573.69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.2 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิลดลงจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลง
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 13.8 บาท ลดลง -0.4 บาท จาก 14.2 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -2.8% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 19.58 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 2.11%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2KzFF66
.
14. WHAUP : บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 16,524 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 603.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% หรือเพิ่มขึ้น 173.47 ล้านบาท จาก 430.29 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นจากธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) เพิ่มขึ้น อีกทั้งรายได้จากธุรกิจน้ำที่ฟื้นตัวอย่างโดดเด่น
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 130.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% หรือเพิ่มขึ้น 87.21 ล้านบาท จาก 43.50 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.03 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจน้ำ และการเติบโตของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งยังมีรายได้จากเงินปันผลและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 4.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท จาก 4.2 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 2.9% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 18.36 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 5.79%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2XTWwDt
.
15. SSP : บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 11,894 ล้านบาท]
– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 500.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% หรือเพิ่มขึ้น 44.09 ล้านบาท จาก 456.86 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการรับรู้รายได้โครงการยามากะประเทศญี่ปุ่น
– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 183.09 ล้านบาท ลดลง -16% หรือลดลง -33.86 ล้านบาท จาก 216.95 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.2 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิลดลงสวนทางกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการลดลงของกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้น ผลจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของโครงการที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น และจากการออกหุ้นกู้
– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 12.9 บาท ลดลง -23.6 บาท จาก 36.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ ลดลง -64.7% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 18.63 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 0.08%
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/38X9RkY
.
.
หมายเหตุ : โพสนี้จัดทำขึ้นเพื่่อใช้เป็นแนวทางในการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำว่าบริษัทไหนน่าลงทุนกว่าบริษัทไหน หรือผลตอบแทนการลงทุนหรือผลการดำเนินงานจะไม่เปลี่ยนไป เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้สนใจควรต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุนเสมอนะครับ
.
Reference
– https://www.set.or.th
.
.
สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่
website : https://iyom-bizinspiration.com
facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration