ส่องผลการดำเนินงาน Q1 2564 9 หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

ส่องผลการดำเนินงาน Q1 2564 9 หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

สำหรับไตรมาส 1 ปี 2564 หุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ต่างมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของรายได้และกำไร สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม

.

โดยในภาพรวมของผลการดำเนินงานทั้ง 9 บริษัท มีรายได้รวมเท่ากับ 67,184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,625 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว ในขณะที่มีกำไรสุทธิรวม เท่ากับ 3,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,135 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 60%
.

เมื่อส่องดูผลการดำเนินงานของ 9 หุ้นในกลุ่มนี้ มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 8 บริษัท และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 6 บริษัท

.

🎯 ข้อสังเกตุ

1. อัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉลี่ยของเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐ ในไตรมาส 1/64 แข็งค่าขึ้นร้อยละ 3 เท่ากับ 30.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 ที่เท่ากับ 31.3 บาท ต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลทำให้ยอดขายในรูปของเงินบาทเพิ่มขึ้น

2. ภาพรวมของยาดขายของเกือบทุกบริษัทกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่นหลังจากวิกฤตในปีที่แล้ว

.

ลองไปดู 9 หุ้นในกลุ่มนี้ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ปี 2564 และราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563

.

(ข้อมูลเรียงลำดับจากบริษัทที่มีรายได้ใน Q1 2564 สูงสุด)

.

1. CCET : บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 13,680 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 29,381.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% หรือเพิ่มขึ้น 6,659.20 ล้านบาท จาก 22,722.75 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นจากความต้องการอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 124.67 ล้านบาท ลดลง -2% หรือลดลง -3.02 ล้านบาท จาก 127.69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.03 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิลดลงสวนทางกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ปีที่แล้วในไตรมาสที่ 1 รายการส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย บวกเพิ่มเข้ามา 38 ล้านบาท ซึ่งถ้าตัดส่วนนี้ออกไปดูเฉพาะกำไรจากการดำเนินธุรกิจ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 กำไรเพิ่มที่ 44.5%

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 2.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.8 บาท จาก 2.16 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 37% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 70.7 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 0.88%

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3isItOT

.

2. DELTA : บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 626,186 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 19,481.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% หรือเพิ่มขึ้น 6,434.71 ล้านบาท จาก 13,046.96 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซี่งรายได้เพิ่มขึ้นจาก ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมากในธุรกิจเพาเวอร์ซัพพลายสำหรับเครื่องมือช่าง (Industrial Tools) การรับฝากข้อมูลบนคลาวด์(Cloud Storage) ระบบศูนย์ข้อมูล(Data Center) และระบบเครือข่าย (Networking) รวมถึงโซลูชั่น สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 1,756.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105% หรือเพิ่มขึ้น 900.28 ล้านบาท จาก 856.49 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 1.41 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างโดดเด่น

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 498 บาท เพิ่มขึ้น 12 บาท จาก 486 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 77.63 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 0.65%

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2LK3LeU

.

3. HANA : บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 41,652 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 5,361.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% หรือเพิ่มขึ้น 677.85 ล้านบาท จาก 4,683.59 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นจากทั้งยอดขาย PCB และ IC ที่กลับมาฟื้นตัว

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 301.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% หรือเพิ่มขึ้น 97.48 ล้านบาท จาก 203.72 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.37 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างต่อเนื่อง

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 53 บาท เพิ่มขึ้น 13.25 บาท จาก 39.75 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 33.3% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 21.28 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 2.59%

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3nXZ2De

.

4. METCO : บริษัทมูราโมโต้ อีเล็คตรอน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 5,141 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 4,523.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% หรือเพิ่มขึ้น 1,686.41 ล้านบาท จาก 2,837.57 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจเครื่องพิมพ์ และธุรกิจยานยนต์

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 145.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% หรือเพิ่มขึ้น 17.48 ล้านบาท จาก 127.83 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 6.95 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 244 บาท เพิ่มขึ้น 44 บาท จาก 200 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 22% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 10.78 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 4.07%

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/38WHCCP

.

5. KCE : บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 74,333 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 3,527.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% หรือเพิ่มขึ้น 167.43 ล้านบาท จาก 3,360.15 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซี่งรายได้เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของคําสังซื้ออย่างรวดเร็ว โดเฉพาะสินค้า PCB

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 503.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% หรือเพิ่มขึ้น 78.50 ล้านบาท จาก 424.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.43 บาทต่อหุ้น ซี่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งบริษัทมีประสิทธิภาพการผลิตที่สูงขึ้นทำให้ความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 64 บาท เพิ่มขึ้น 22.5 บาท จาก 41.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 54.2% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 62.65 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 1.27%

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2KsWMXb

.

6. SVI : บริษัท เอสวีไอ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 10,744 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 3,504.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% หรือเพิ่มขึ้น 113.25 ล้านบาท จาก 3,391.04 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซึ่งรายได้เพิ่มขึ้นจาก ความต้องการที่สูงขึ้น ทั้งในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคม กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 148.15 ล้านบาท ลดลง -35% หรือลดลง -78.44 ล้านบาท จาก 226.59 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.07 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรสุทธิลดลงสวนทางกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีรายการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 4.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.48 บาท จาก 4.28 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 11.2% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 16.86 เท่า และมีอัตราปันผลที่ 2.31%

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/39JHLZE

.

7. TEAM : บริษัท ทีมพรีซิชั่น จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 1,402 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 633.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% หรือเพิ่มขึ้น 128.66 ล้านบาท จาก 504.50 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว ซี่งรายได้เพิ่มขึ้นจากคำสั่งซื้อที่ฟื้นตัวจากกลุ่มลูกค้าทั้ง ยุโรป สหรัฐอเมริกา และเอเชีย

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 46.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 530% หรือเพิ่มขึ้น 57.61 ล้านบาท จาก -10.86 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.07 บาทต่อหุ้น ซี่งกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น เกิดจากสินค้ากลุ่มทีมีอัตรากําไรค่อนข้างสูง และในไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้วมีรายการค่าใช้จ่ายพิเศษ ที่เกิดจากการปรับตามมาตรฐานบัญชีใหม่ในส่วนหนี้สงสัยจะสูญและมีผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุน ในบริษัทร่วมที่บริษัทสหรัฐอเมริกา

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 2.26 บาท เพิ่มขึ้น 1.21 บาท จาก 1.05 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 115.2% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 34.76 เท่า

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3paLlCJ

.

8. SMT : บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 4,155 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 563.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% หรือเพิ่มขึ้น 162.93 ล้านบาท จาก 400.13 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว

– กำไรสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ 51.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 267% หรือเพิ่มขึ้น 82.05 ล้านบาท จาก -30.70 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.06 บาทต่อหุ้น

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 4.98 บาท เพิ่มขึ้น 2.32 บาท จาก 2.66 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 87.2% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ 25.49 เท่า

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3nXXp8A

.

9. NEX : บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) [มูลค่าตลาด 8,958 ล้านบาท]

– รายได้ Q1/2564 เท่ากับ 207.13 ล้านบาท ลดลง 66% หรือลดลง -405.32 ล้านบาท จาก 612.46 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว

– ขาดทุนสุทธิ Q1/2564 เท่ากับ -37.86 ล้านบาท ลดลง -82% หรือลดลง -17.08 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ -20.78 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ Q1 ของปีที่แล้ว โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ -0.02 บาทต่อหุ้น

– โดยราคาหุ้นวันที่ 21-5-2564 ปิดที่ 5.4 บาท เพิ่มขึ้น 1.2 บาท จาก 4.2 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือ เพิ่มขึ้น 28.6% ซึ่งปัจจุบันมีค่า PE เท่ากับ NA เนื่องจาก ผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุน

ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/38YzgdO

.
.

❗ หมายเหตุ : โพสนี้จัดทำขึ้นเพื่่อใช้เป็นแนวทางในการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำว่าบริษัทไหนน่าลงทุนกว่าบริษัทไหน หรือผลตอบแทนการลงทุนหรือผลการดำเนินงานจะไม่เปลี่ยนไป เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้สนใจควรต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุนเสมอนะครับ 🙂

.

Reference
– https://www.set.or.th

.


สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่
website : https://iyom-bizinspiration.com
facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *