เช็ค 30 หุ้นพี่เบิ้ม ของ 10 เซคเตอร์ใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์ ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2564
โพสนี้จะมาทำการเช็คดูว่า 🕵♂ ใน 10 เซคเตอร์ใหญ่ (ตามมูลค่าตลาด) ณ วันที่ 11 มิ.ย.2564 ว่าในแต่ละเซคเตอร์นั้น หุ้นพี่เบิ้มสามอันดับแรกเป็นใคร และมีมูลค่าตลาด (Market cap) ใหญ่ขนาดไหน
.
นอกจากนี้ ยังมีการเปรียบเทียบราคาหุ้นพี่เบิ้มทั้ง 30 ตัว จากราคาปิดวันที่ 11-6-2564 เทียบกับสิ้นปี 2563 ที่ผ่านมา และเทียบกับสิ่้นเดือน พ.ค.2564 พร้อมทั้งค่า PE และอัตราปันผล
.
ไปดูกันว่าทั้ง 10 เซคเตอร์ดังกล่าว หุ้นพี่เบิ้มแต่ละตัวเขาจะใหญ่และวิ่งไปแรงขนาดไหนกันแล้วบ้าง
.
📌 กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค (ENER)
.
ณ วันที่ 11/6/2564 กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภคมีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 4.14 ล้านล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. PTT : บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 PTT มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.19 ล้านล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 41.5 บาท ปรับตัวลดลง -1 บาท หรือลดลง -2.35 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.06% และมีค่า PE เท่ากับ 16.49 เท่า, อัตราปันผลที่ 2.45 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. PTTEP : บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 PTTEP มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 4.8 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 121 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22.75 บาท หรือเพิ่มขึ้น 23.16 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.11% และมีค่า PE เท่ากับ 18.78 เท่า, อัตราปันผลที่ 3.54 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. GULF : บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 GULF มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 4.05 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 34.5 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.73 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.22% และมีค่า PE เท่ากับ 63.98 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.09 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
📌 กลุ่มพาณิชย์ (COMM)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มพาณิชย์มีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 1.73 ล้านล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. CPALL : บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 CPALL มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 5.57 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 62 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.75 บาท หรือเพิ่มขึ้น 6.44 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.06% และมีค่า PE เท่ากับ 42.66 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.46 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. CRC : บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 CRC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 2.25 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 37.25 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 21.14 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 12.03% และมีค่า PE เท่ากับ NA เนื่องจาก ผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุน, อัตราปันผลที่ 1.07 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. HMPRO : บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 HMPRO มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.93 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 14.7 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 บาท หรือเพิ่มขึ้น 7.3 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 5.76% และมีค่า PE เท่ากับ 36.82 เท่า, อัตราปันผลที่ 2.07 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
📌 กลุ่มธนาคาร (ฺBANK)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มธนาคารมีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 1.64 ล้านล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. SCB : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 SCB มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 3.57 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 105 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 17.5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 20 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.44% และมีค่า PE เท่ากับ 12.72 เท่า, อัตราปันผลที่ 2.21 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. KBANK : ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 KBANK มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 3.06 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 129 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16 บาท หรือเพิ่มขึ้น 14.16 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 8.4% และมีค่า PE เท่ากับ 9.12 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.96 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. BAY : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 BAY มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 2.54 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 34.5 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10.4 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 6.15% และมีค่า PE เท่ากับ 11.28 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.04 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
📌 กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ (TRANS)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์มีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 1.53 ล้านล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. AOT : บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 AOT มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 9.79 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 68.5 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10.04 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 8.73% และมีค่า PE เท่ากับ NA เนื่องจาก ผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุน, อัตราปันผลที่ 0.29 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. BEM : บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 BEM มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.31 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 8.6 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3 บาท หรือเพิ่มขึ้น 3.61 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 4.88% และมีค่า PE เท่ากับ 71.1 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.17 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. BTS : บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 BTS มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.29 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 9.8 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 5.38 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 7.1% และมีค่า PE เท่ากับ 28.18 เท่า, อัตราปันผลที่ 3.18 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
📌 กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มมีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 1.17 ล้านล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
1. CPF : บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 CPF มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 2.33 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 27 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.93 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -0.92% และมีค่า PE เท่ากับ 8.46 เท่า, อัตราปันผลที่ 3.68 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 MINT มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.71 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 33 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 28.16 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 3.13% และมีค่า PE เท่ากับ NA เนื่องจาก ผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุน, อัตราปันผลที่ 0 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. CBG : บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 CBG มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.31 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 131 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 14.41 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -1.13% และมีค่า PE เท่ากับ 38.25 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.81 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
📌 กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 1.10 ล้านล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. ADVANC : บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 ADVANC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 5.19 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 174.5 บาท ปรับตัวลดลง -1.5 บาท หรือลดลง -0.85 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.56% และมีค่า PE เท่ากับ 18.99 เท่า, อัตราปันผลที่ 3.99 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. INTUCH : บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 INTUCH มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 2.07 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 64.5 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 14.67 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 0.39% และมีค่า PE เท่ากับ 18.86 เท่า, อัตราปันผลที่ 3.88 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. TRUE : บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 TRUE มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.07 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 3.22 บาท ปรับตัวลดลง -0.22 บาท หรือลดลง -6.4 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% และมีค่า PE เท่ากับ 170.92 เท่า, อัตราปันผลที่ 2.2 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
📌 กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 1.06 ล้านล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. CPN : บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 CPN มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 2.51 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 56 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 17.28 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 10.34% และมีค่า PE เท่ากับ 28.45 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.27 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. AWC : บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 AWC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.65 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 5.15 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.59 บาท หรือเพิ่มขึ้น 12.94 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 7.74% และมีค่า PE เท่ากับ NA เนื่องจาก ผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุน, อัตราปันผลที่ 0 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. LH : บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 LH มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 8.4 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.45 บาท หรือเพิ่มขึ้น 5.66 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 4.35% และมีค่า PE เท่ากับ 13.3 เท่า, อัตราปันผลที่ 5.99 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
📌 กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (ETRON)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 8.88 แสนล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. DELTA : บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 DELTA มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 7.04 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 564 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 78 บาท หรือเพิ่มขึ้น 16.05 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -2.76% และมีค่า PE เท่ากับ 87.92 เท่า, อัตราปันผลที่ 0.57 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. KCE : บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 KCE มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 0.79 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 67 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 61.45 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -5.3% และมีค่า PE เท่ากับ 65.59 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.14 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
3. HANA : บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 HANA มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 0.52 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 64.75 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 62.89 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 7.47% และมีค่า PE เท่ากับ 25.99 เท่า, อัตราปันผลที่ 2.1 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3nXZ2De
.
📌 กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (CONMAT)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มวัสดุก่อสร้าง มีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 8.24 แสนล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. SCC : บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 SCC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 5.14 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 428 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 13.23 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -2.28% และมีค่า PE เท่ากับ 12.2 เท่า, อัตราปันผลที่ 3.3 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. TOA : บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 TOA มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 0.72 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 35.5 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 บาท หรือเพิ่มขึ้น 5.97 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -5.33% และมีค่า PE เท่ากับ 31.59 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.47 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/392luXr
.
3. SCCC : บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 SCCC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 0.53 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 179 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 43.5 บาท หรือเพิ่มขึ้น 32.1 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -1.65% และมีค่า PE เท่ากับ 13.62 เท่า, อัตราปันผลที่ 5.04 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > https://bit.ly/3rVD1Y8
.
📌 กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN)
.
ณ วันที่ 19/3/2564 กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ มีมูลค่าตลาด (Market Cap) รวมอยู่ที่ประมาณ 7.89 แสนล้านบาท หุ้น 3 อันดับแรกในกลุ่ม คือ
.
1. KTC : บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 KTC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.84 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 71.5 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 12 บาท หรือเพิ่มขึ้น 20.17 % จากสิ้นปี 2563 แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ปรับตัวลดลง -2.05% และมีค่า PE เท่ากับ 34.62 เท่า, อัตราปันผลที่ 1.23 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >
.
2. MTC : บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 MTC มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.36 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 64.25 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 8.9 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 3.63% และมีค่า PE เท่ากับ 25.46 เท่า, อัตราปันผลที่ 0.59 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2Nt3uO3
.
3. SAWAD : บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
– ณ วันที่ 11/6/2564 SAWAD มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เท่ากับ 1.06 แสนล้านบาท
– โดยราคาปิดเท่ากับ 77.5 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.75 บาท หรือเพิ่มขึ้น 17.87 % จากสิ้นปี 2563 อีกทั้งเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนที่แล้ว (พ.ค.) ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.99% และมีค่า PE เท่ากับ 22 เท่า, อัตราปันผลที่ 2.41 %
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3qREVrT
.
❗หมายเหตุ :
1.โพสนี้จัดทำขึ้นเพื่่อใช้เป็นแนวทางในการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำว่าบริษัทไหนน่าลงทุนกว่าบริษัทไหน หรือผลตอบแทนการลงทุนจะไม่เปลี่ยนไป เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้สนใจควรต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุนเสมอ 🙂
.
Reference
– https://www.set.or.th /
.
.
สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่
website : https://iyom-bizinspiration.com
facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration