โผ 20 หุ้นต่ำบาท พุ่งแรงในรอบเดือน แต่ ต้องระวัง!
หุ้นต่ำบาท (ราคาต่ำกว่าหนึ่งบาท) เป็นหุ้นอีกกลุ่มที่เป็นที่สนใจ สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ เพราะด้วยต้นทุนราคาต่ำ อีกทั้งถ้าราคาขยับขึ้นแม้เพียงสตางค์เดียว ก็ทำกำไรได้มากมาย ทำให้นักลงทุนมือใหม่ มองว่าน่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่จะมาเก็งกำไรกับหุ้นต่ำบาทเหล่านี้
.
ที่จริงหุ้นกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องระมัดระวังในการลงทุนมาก เพราะโดยส่วนใหญ่มักไม่มีปัจจัยพื้นฐานใดจะมาสนับสนุนบริษัท อีกทั้งหลายต่อหลายบริษัท มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง และที่หนักกว่านั้น บางตัวก็ติดเครื่องหมายแจ้งเตือนต่าง ๆ ให้นักลงทุนต้องระวังกันเสมอ
.
จึงทำให้หุ้นเหล่านี้อาจกลายเป็นกับดักให้นักลงทุนมือใหม่ ถูกล่อให้เข้ามาเจ็บตัวและขาดทุนกันอย่างหนักเช่นเดียวกัน
.
จากการสำรวจการซื้อขายของหุ้นต่ำบาท ในวันที่ 30-4-2564 มีถึง 97 บริษัท โดยมีถึง 52 บริษัทที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา (วัดจาก สิ้นเดือน เม.ย.64 เทียบกับสิ้นเดือน มี.ค.64) โดย
– ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% มี 3 บริษัท
– ปรับตัวเพิ่มขึ้น 50-100% มี 5 บริษัท
– ปรับตัวเพิ่มขึ้น 20-49% มี 16 บริษัท
– ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1-19% มี 28 บริษัท
.
ซึ่งมีบริษัทที่มีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 20 อันดับแรก ดังนี้
.
1. UWC : บริษัท เอื้อวิทยา จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 UWC มีราคาปิดที่ 0.09 เพิ่มขึ้น 125% หรือเพิ่มขึ้น 0.05 บาท จากราคา 0.04 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย UWC มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 67.14%
.
2. AQ : บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 AQ มีราคาปิดที่ 0.02 เพิ่มขึ้น 100% หรือเพิ่มขึ้น 0.01 บาท จากราคา 0.01 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย AQ มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 66.86%
.
3. GJS : บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 GJS มีราคาปิดที่ 0.48 เพิ่มขึ้น 100% หรือเพิ่มขึ้น 0.24 บาท จากราคา 0.24 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย GJS มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 5.27%
.
4. PPPM : บริษัท พีพี ไพร์ม จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 PPPM มีราคาปิดที่ 0.67 เพิ่มขึ้น 76.3% หรือเพิ่มขึ้น 0.29 บาท จากราคา 0.38 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย PPPM มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 19.37%
.
5. TGPRO : บริษัท ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 TGPRO มีราคาปิดที่ 0.37 เพิ่มขึ้น 76.2% หรือเพิ่มขึ้น 0.16 บาท จากราคา 0.21 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย TGPRO มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 3.69%
.
6. AJA : บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 AJA มีราคาปิดที่ 0.29 เพิ่มขึ้น 70.6% หรือเพิ่มขึ้น 0.12 บาท จากราคา 0.17 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย AJA มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 42.66%
.
7. MPG : บริษัท เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 MPG มีราคาปิดที่ 0.76 เพิ่มขึ้น 61.7% หรือเพิ่มขึ้น 0.29 บาท จากราคา 0.47 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย MPG มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 25.99%
.
8. EFORL : บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 EFORL มีราคาปิดที่ 0.06 เพิ่มขึ้น 50% หรือเพิ่มขึ้น 0.02 บาท จากราคา 0.04 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย EFORL มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 37.7%
.
9. CIG : บริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 CIG มีราคาปิดที่ 0.73 เพิ่มขึ้น 49% หรือเพิ่มขึ้น 0.24 บาท จากราคา 0.49 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย CIG มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 13.3%
.
10. B52 : บริษัท บี-52 แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 B52 มีราคาปิดที่ 0.69 เพิ่มขึ้น 43.8% หรือเพิ่มขึ้น 0.21 บาท จากราคา 0.48 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย B52 มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 194.07%
.
11. RPC : บริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 RPC มีราคาปิดที่ 0.97 เพิ่มขึ้น 36.6% หรือเพิ่มขึ้น 0.26 บาท จากราคา 0.71 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย RPC มีผลการดำเนินงานล่าสุด กำไรสุทธิ 0.89%
.
12. GEL : บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 GEL มีราคาปิดที่ 0.46 เพิ่มขึ้น 35.3% หรือเพิ่มขึ้น 0.12 บาท จากราคา 0.34 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย GEL มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 9.59%
.
13. TRC : บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 TRC มีราคาปิดที่ 0.16 เพิ่มขึ้น 33.3% หรือเพิ่มขึ้น 0.04 บาท จากราคา 0.12 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย TRC มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 13.99%
.
14. BSM : บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 BSM มีราคาปิดที่ 0.48 เพิ่มขึ้น 33.3% หรือเพิ่มขึ้น 0.12 บาท จากราคา 0.36 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย BSM มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 11.97%
.
15. TWZ : บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 TWZ มีราคาปิดที่ 0.14 เพิ่มขึ้น 27.3% หรือเพิ่มขึ้น 0.03 บาท จากราคา 0.11 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย TWZ มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 0.26%
.
16. DCON : บริษัท ดีคอนโปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 DCON มีราคาปิดที่ 0.61 เพิ่มขึ้น 27.1% หรือเพิ่มขึ้น 0.13 บาท จากราคา 0.48 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย DCON มีผลการดำเนินงานล่าสุด กำไรสุทธิ 9.49%
.
17. DV8 : บริษัท ดีวี8 จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 DV8 มีราคาปิดที่ 0.66 เพิ่มขึ้น 26.9% หรือเพิ่มขึ้น 0.14 บาท จากราคา 0.52 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย DV8 มีผลการดำเนินงานล่าสุด กำไรสุทธิ 0.73%
.
18. BROOK : บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 BROOK มีราคาปิดที่ 0.63 เพิ่มขึ้น 26% หรือเพิ่มขึ้น 0.13 บาท จากราคา 0.5 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย BROOK มีผลการดำเนินงานล่าสุด กำไรสุทธิ 50.86%
.
19. SDC : บริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 SDC มีราคาปิดที่ 0.35 เพิ่มขึ้น 25% หรือเพิ่มขึ้น 0.07 บาท จากราคา 0.28 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย SDC มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 54.03%
.
20. META : บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
เมื่อสิ้นเดือน เม.ย.64 META มีราคาปิดที่ 0.76 เพิ่มขึ้น 24.6% หรือเพิ่มขึ้น 0.15 บาท จากราคา 0.61 ที่สิ้นเดือน มี.ค.64
โดย META มีผลการดำเนินงานล่าสุด ขาดทุนสุทธิ 69.47%
.
สิ่งที่ต้องพึงระวังในการลงทุนหุ้นต่ำบาท ก็คือ
1. จาก 16 ใน 20 บริษัท มีการขาดทุนในผลการดำเนินงานล่าสุด และเมื่อย้อนกลับไปดูส่วนใหญ่มักมีการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง
2. หุ้นในกลุ่มนี้มักจะติดเครื่องหมายไม่พึงประสงค์ ทำให้บางครั้งนักลงทุนมือใหม่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ เข้าไปลงทุนโดยไม่ทันสังเกต เช่น
C ที่หมายถึง บริษัทจดทะเบียนมีเหตุการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและการดำเนินธุรกิจ ผู้ลงทุนให้เพิ่มความระมัดระวัง ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน
SP (Trading Suspension) : การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับการขึ้นเครื่องหมาย H แต่บริษัทยังไม่ สามารถชี้แจงหรือเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯได้ หรืออาจฝ่าฝืน ละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งไม่ส่งงบการเงินให้ภายในเวลากำหนด
NP (Notice Pending) : บริษัทมีข้อมูลที่ต้องรายงาน และตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัท
3. หุ้นส่วนใหญ่เป็นหุ้นตัวเล็ก จึงยากต่อการหาบทวิเคราะห์ หรือคาดการณ์ผลกำไร (อาจไม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว)
4.หุ้นขนาดเล็กมักมีแรงเก็งกำไรและปรับตัวขึ้นได้ดียามที่ดัชนีฯ เป็นขาขึ้น แต่หากมีการปรับฐาน หุ้นกลุ่มนี้จะมีแรงขายก่อน
.
ดังนั้น การลงทุนไม่ใช่แค่ดูเรื่องของราคาขึ้นลงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ขอให้ศึกษารายละเอียดและปัจจัยอื่น ๆ ให้รอบคอบก่อนการลงทุนเสมอนะครับ หวังว่าโพสนี้จะช่วยให้นักลงทุนมือใหม่ได้เข้าใจและระมัดระวังในการลงทุน (เก็งกำไร) ในหุ้นต่ำบาทมากขึ้น
.
.
หมายเหตุ : โพสนี้จัดทำขึ้น เพื่อให้ระมัดระวังในการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำว่าบริษัทไหนน่าลงทุนกว่าบริษัทไหน หรือผลตอบแทนการลงทุนจะไม่เปลี่ยนไป เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้สนใจควรต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุนเสมอ
.
Reference
– https://www.set.or.th /
.
สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่
website : https://iyom-bizinspiration.com
facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration