12 หุ้นดีดแรง ! ฟินกัญชง
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขได้ปลดล็อค กัญชง (Hemp) ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในเชิงพาณิชย์ ตามประกาศลงราชกิจจา 30 ธ.ค.63 (ที่เริ่มมีผลตั้งแต่ 29 ม.ค.2564) ทำให้ตอนนี้สามารถนำกัญชงมาแปรรูปและใช้เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ
โดยประโยชน์ของกัญชง เช่น
เส้นใยนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลายอย่าง ทั้งเสื้อผ้า-เสื้อเกราะกันกระสุน-กระดาษ-โครงสร้างประกอบงานก่อสร้าง-ฉนวนกันความร้อน
ใบนำไปผลิตอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง
น้ำมันจากเมล็ดกัญชง นำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร เครื่องสำอาง,
สารสกัดจากกัญชงนำไปผลิตเป็นเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หุ้นในตลาดที่อยู่ใน 4 กลุ่มธุรกิจ รวม 12 บริษัท คือ กลุ่มเครื่องสำอาง 3 บริษัท, กลุ่มเครื่องดื่ม 5 บริษัท, กลุ่มโรงงานสกัด (ธุรกิจกลางน้ำ) 2 บริษัท และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ 3 บริษัท ต่างตอบรับความฟินของกัญชง พุ่งตัวดีดแรงในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
ลองไปดูว่าในแต่ละกลุ่ม จะมีหุ้นอะไรที่ดีดขนาดไหน
กลุ่มเครื่องสำอาง
1. DOD : บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า และตราสินค้าของบริษัท “Dai a to” (ได เอโตะ)
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 10.8 บาท เพิ่มขึ้นมา 2 บาท จาก 8.8 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 22.7% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 22 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2YtObH0
2. KAMART : บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง, กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า และผิวกาย, กลุ่มอุปกรณ์ความงาม, กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และอื่นๆ
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 4.14 บาท เพิ่มขึ้นมา 0.18 บาท จาก 3.96 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 4.5% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 22 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3j9jWP5
3. DDD : บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลและบำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้า “NAMU LIFE” โดยมีชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ว่า “SNAILWHITE” และธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์บำรุงผิวภายใต้เครื่องหมายการค้าอื่น (OEM)
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 18.9 บาท เพิ่มขึ้นมา 0.8 บาท จาก 18.1 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 4.4% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ N/A (ผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2563 ยังขาดทุน)
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >http://bit.ly/3csQyC9
กลุ่มเครื่องดื่ม
4. ICHI : บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มชาเขียวพร้อมดื่ม อิชิตัน กรีนที, เครื่องดื่มสมุนไพร เย็นเย็น โดยอิชิตัน และเครื่องดื่มน้ำผลไม้ไม่อัดลมไบเล่
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 12 บาท เพิ่มขึ้นมา 2.75 บาท จาก 9.25 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 29.7% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 28 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2Mlp7j2
5. CBG : บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : ถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งมีการลงทุนหลักในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจ ผลิต ทำการตลาด จำหน่าย และบริหารจัดการการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มบำรุงกำลังและเครื่องดื่มอื่น ๆ อย่างครบวงจร
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 145.5 บาท เพิ่มขึ้นมา 31 บาท จาก 114.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 27.1% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 35 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2NOmfLP
6. TACC : บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : จัดหา ผลิต และจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชาและกาแฟ และสินค้าไลฟสไตล์ โดยแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ 2 กลุ่ม ดังนี้ 1) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนากับพันธมิตรทางธุรกิจ ได้แก่ เครื่องดื่มในโถกดในร้าน 7-Eleven, เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงที่จัดจำหน่ายให้กับร้าน All Cafe ในร้าน 7-Eleven และผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนาเพื่อจำหน่ายเป็นครั้งคราวหรือตามฤดูกาล, เครื่องกดเครื่องดื่มร้อนแบบอัตโนมัติ 2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ ชาเขียวพร้อมดื่มตรา “เชนย่า” (Zenya), เครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผงตรา “ณ อรุณ” (Na-Arun) และตรา “สวัสดี” (Sawasdee), เครื่องดื่มช็อกโกแลต ตรา “เฮอร์ชี่”, ธุรกิจคาแร็คเตอร์์
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 6.9 บาท เพิ่มขึ้นมา 0.8 บาท จาก 6.1 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 13.1% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 21 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/39zdf5D
7. SAPPE : บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม โดยแบ่งเป็น 5 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 18 ตราสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย1) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ได้แก่ เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์, เซ็ปเป้ บิวติ ชอท , เซนต์ แอนนา และ บลู 2) ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำผลไม้ เครื่องดื่มแต่งกลิ่นผลไม้ ได้แก่ เซ็ปเป้ อโลเวร่า, เซ็ปเป้ ฟอร์ วัน เดย์, โมกุ โมกุ , กุมิ กุมิ by โมกุ โมกุ และ ออล โคโค 3) ผลิตภัณฑ์ประเภทผงพร้อมชง เพื่อสุขภาพ และ ความงาม ได้แก่ เพรียว คอฟฟี่ และ สริมฟิต คอฟฟี่ ซึ่งเป็นกาแฟควบคุมน้ำหนัก และ เพรียว คลอโรฟิลล์ มีคุณสมบัติในการช่วยดีท็อกซ์ขับล้างสารพิษ และเซ็ปเป้ บิวติ พาวเดอร์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดผง 4) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่มอื่นๆ ได้แก่ เพรียว คอฟฟี่ แบบกระป๋อง 5) ผลิตภัณฑ์ขนมเพื่อสุขภาพ ได้แก่ เซ็ปเป้ บิวติ เจลลี่ , ซีแมกซ์ , ชิมดิ , แม็กซ์ทีฟ และ ดีนอช
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 21.1 บาท เพิ่มขึ้นมา 1.8 บาท จาก 19.3 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 9.3% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 18 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2NV3c2H
8. OSP : บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังภายใต้ ตราสินค้า เช่น เอ็ม-150 ลิโพ เป็นต้น เครื่องดื่มเกลือแร่ และกาแฟพร้อมดื่ม และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลภายใต้ตราสินค้าเบบี้มายด์ และทเวลฟ์พลัส รวมทั้งธุรกิจให้บริการผลิตสินค้า บรรจุภัณฑ์ และจัดจำหน่ายสินค้า
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 35.75 บาท เพิ่มขึ้นมา 0.25 บาท จาก 35.5 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 0.7% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 30 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/36uLSrE
กลุ่มโรงงานสกัด
9. RBF : บริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : ผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า และ ภายใต้ตราสินค้าของบริษัท เช่น อังเคิลบาร์นส์, เบสท์ โอเดอร์ และ super-find เป็นต้น
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 11.9 บาท เพิ่มขึ้นมา 2.6 บาท จาก 9.3 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 28% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 36 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/2MpLJie
ในกลุ่มนี้ยังมี DOD อีกหนึ่งบริษัท ที่อยู่ทั้งกลุ่มเครื่องสำอางและโรงงานสกัด
กลุ่มวิตามินและสปา
10. IP : บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : การพัฒนา คิดค้น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพและนวัตกรรมความงามสำหรับคน และผลิตภัณฑ์สุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 17.2 บาท เพิ่มขึ้นมา 4.1 บาท จาก 13.1 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 31.3% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 57 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/3rmxVnR
11. MEGA : บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods หรือ FMCG) ชั้นนำระดับสากล ณ ปัจจุบัน MEGA เป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในประเทศกำลังพัฒนา ได้แก่ประเทศเมียนมาร์ เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งประเทศดังกล่าวมีแนวโน้มการเติบโตอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ MEGA มีการพัฒนา ผลิต ทำการตลาด และขายผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ยาตามใบสั่งแพทย์และผลิตภัณฑ์ยาจำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์สุขภาพภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We CareTM ของบริษัทผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายของบริษัทและผู้จัดจำหน่ายภายนอกใน 29 ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 40.5 บาท เพิ่มขึ้นมา 4.75 บาท จาก 35.75 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 13.3% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ 25 เท่า
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ > http://bit.ly/36sBgJG
12. SPA : บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ลักษณะธุรกิจ : ดำเนินธุรกิจด้านสปาเพื่อสุขภาพ และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสปา โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ คือ 1.ธุรกิจสปา ภายใต้แบรนด์ “Let’s Relax” แบรนด์ “RarinJinda Wellness Spa” และแบรนด์ บ้านสวนมาสสาจ 2.ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ในนาม “โรงแรม ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท” เป็นโรงแรมสไตล์บูติก ที่จังหวัดเชียงใหม่ ร้านอาหารในนาม “Deck 1” และร้านอาหาร “D Bistro” 3.ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปา จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาภายใต้แบรนด์ “Blooming” 4.กิจการโรงเรียนเกี่ยวกับการนวดแผนไทยในนาม “โรงเรียนสอนนวดแผนไทยบลูมมิ่ง” เพื่อให้การอบรมบริการนวดและสปาแก่พนักงานเทอราพิสต์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท
โดยราคาหุ้นวันที่ 29-1-2564 ปิดที่ 7.3 บาท เพิ่มขึ้นมา 0.35 บาท จาก 6.95 บาท เมื่อสิ้นปี 2563 หรือเพิ่มขึ้นถึง 5% ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยมีค่า PE เท่ากับ N/A (ผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2563 ยังขาดทุน)
ศึกษาข้อมูล Factsheet เพิ่มเติมได้ที่ >http://bit.ly/36xJiRA
หมายเหตุ : โพสนี้จัดทำขึ้นเพื่่อใช้เป็นแนวทางในการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำว่าบริษัทไหนน่าลงทุนกว่าบริษัทไหน หรือผลตอบแทนการลงทุนจะไม่เปลี่ยนไป เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้สนใจควรต้องศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการลงทุนเสมอ
Reference
– https://www.set.or.th /
สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่
website : https://iyom-bizinspiration.com
facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration