5 บทเรียน สร้างความมั่งคั่ง ของพ่อมดการลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์

5 บทเรียน สร้างความมั่งคั่ง ของพ่อมดการลงทุน วอร์เรน บัฟเฟตต์

ถ้าคุณเริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 1,000 บาทเมื่อปี ค.ศ.2000 ยี่สิบปีผ่านไปคุณจะมีเงินสูงเกือบ 40,000 บาท หรือ เพิ่มขึ้นกว่า 3,734% ซึ่งเป็นกำไรต่อปีแบบทบต้นตลอด 20 ปี มากกว่า 20% และถ้าคุณลงทุนด้วยเงิน 1,000 บาทนี้เมื่อ 55 ปี ที่แล้ว ตอนนี้คุณจะมีเงินสูงถึง 21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,744,062%

ดูเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมครับ แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปแล้วสำหรับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ พ่อมดแห่งโลกการลงทุนเน้นคุณค่า ที่ทำให้กับบริษัท Berkshire Hathaway จนถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล วันนี้เลยอยากสรุปถึงบทเรียนสำคัญ ห้าประการที่ได้จากการลงทุนของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กันครับ

1⃣ เริ่มให้เร็วและต้องอดทน

การลงทุนให้ประสบความสำเร็จหนึ่งในปัจจัยสำคัญนั่นคือ เรื่องของเวลา เพราะการที่บัฟเฟตต์สร้างความมั่งคั่งได้ขนาดนี้ เพราะการเริ่มต้นลงทุนเร็ว และยังต้องอดทนทำสิ่งๆ นั้นต่อเนื่อง จากการที่เขาแสดงให้เห็นในการบริหารการลงทุนผ่าน Berkshire Hathaway ที่ใช้เวลามากว่าห้าทศวรรษ

ซึ่งด้วยเงินลงทุน 1,000 บาท และได้ผลตอบแทนที่ประมาณ 20%

ถ้าคุณมีระยะเวลาลงทุน 10 ปี จะมันจะเติบโตเพิ่มมาเป็น 6,192 บาท
ถ้าคุณมีระยะเวลาลงทุน 20 ปี จะมันจะเติบโตเพิ่มมาเป็น 38,338 บาท
ถ้าคุณมีระยะเวลาลงทุน 30 ปี จะมันจะเติบโตเพิ่มมาเป็น 237,376 บาท
ถ้าคุณมีระยะเวลาลงทุน 40 ปี จะมันจะเติบโตเพิ่มมาเป็น 1.5 ล้านบาท
ถ้าคุณมีระยะเวลาลงทุน 50 ปี จะมันจะเติบโตเพิ่มมาเป็น 9.1 ล้านบาท
ถ้าคุณมีระยะเวลาลงทุน 60 ปี จะมันจะเติบโตเพิ่มมาเป็น 56.3 ล้านบาท

ในความเป็นจริงเราอาจไม่ได้ทำผลตอบแทนได้สูงถึง 20% แต่ประเด็นอยู่ที่ หากคุณมีเวลานานพอ คุณสามารถสะสมผลรวมที่มีความหมายได้ แม้จะมีอัตราการเติบโตเพียงเล็กน้อย เหมือนเช่น บัฟเฟตต์เคยเปรียบชีวิตการลงทุนของเขาว่าเหมือน Snowball หรือ ก้อนหิมะเล็ก ๆ ที่กลิ้งลงมาจากภูเขา ถ้าคุณยิ่งมีปล่อยให้ก้อนหิมะก้อนเล็ก ๆ นี้ได้กลิ้งไปเท่าไหร่ มันก็จะค่อยๆ รวมตัวใหญ่ขึ้น และยิ่งยาวเท่าไหร่ ลูกหิมะก็ยิ่งใหญ่เท่านั้น

2⃣ อัตราการเติบโตจะชะลอตัวเมื่อพอร์ตคุณโตขึ้น

หากลองดูผลกำไรประจำปีของ Berkshire Hathaway จะเห็นว่าในช่วงปี 2010-2019 มีเพียงปีเดียวเท่านั้นที่กำไรเพิ่มขึ้น 30% ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปในอดีต ระหว่างปี 1970-1979 กำไรเพิ่มขึ้น 30% 4 ครั้ง, ระหว่างปี 1980-1989 มีถึง 7 ครั้ง และ ระหว่างปี 1990-1999 มี 5 ครั้ง

อัตราการเติบโตของ Berkshire ชะลอตัวลงเนื่องจาก การสะสมการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คุณมีฐานที่ใหญ่ การทำอัตราการเติบโตสูงๆ จะเป็นเรื่องยาก แต่ถึงอย่างนั้น กลับทำให้เราที่เป็นนักลงทุนรายย่อย สามารถลองมองหาบริษัทเล็ก ๆ ที่มีแนวโน้มธุรกิจที่ดีได้ และเมื่อเราเลือกลงทุนในบริษัทนั้น ก็สามารถได้รับผลกำไรอย่างงามจากมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่บัฟเฟตต์ไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะซื้อทั้งบริษัท แต่มันก็เป็นเพียงเงินสัดส่วนที่น้อยนิดในพอร์ตของเขา และนี่เป็นข้อได้เปรียบที่นักลงทุนรายย่อยมีเหนือรายใหญ่นั่นเอง

3⃣ ยึดมั่นในสิ่งที่คุณรู้

Circle of Competence (วงกลมแห่งความสามารถ) เป็นหนึ่งในหลักการที่บัฟเฟตต์ใช้ในการลงทุนเสมอ คือ เขาจะเลือกลงทุนในสิ่งที่เขารู้และสามารทำความเข้าใจมันได้เท่านั้น เขาเคยอธิบายถึงหลักการดังกล่าวให้เหล่าผู้ถือหุ้นได้ฟังว่า

สิ่งที่นักลงทุนต้องรู้คือ ความสามารถในการประเมินธุรกิจที่เลือกอย่างถูกต้อง ซึ่งคำว่าเลือกในที่นี้ หมายถึง คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในทุกๆ บริษัทหรอก คุณแค่จะต้องสามารถประเมินบริษัท ที่อยู่ในวงกลมความสามารถของคุณได้เท่านั้น และขนาดของวงกลมนั้นไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญ คือ การรู้ขอบเขตว่าคุณมีความสามารถแค่ไหนต่างหาก

4⃣ สิ่งที่ทำส่วนใหญ่ คือ ไม่ต้องทำอะไรมากเลย

นี่อาจจะเป็นบทเรียนที่คุณน่าจะถูกใจที่สุด (แต่ทำกันไม่ค่อยได้) เพราะบัฟเฟตต์ แนะว่า คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักลงทุนที่วุ่นวาย ที่ต้องตามติดราคาหุ้นทั้งวันและซื้อ ๆ ขาย ๆ บ่อย ๆ ซึ่งในความเป็นจริงมันมีแนวโน้มจะทำให้คุณขาดทุนเสียด้วยซ้ำ

ซึ่งจากงานวิจัยระบุว่า ในปี 1991-1996 จากผลตอบแทนของบัญชีรายย่อยกว่า 7 หมื่นบัญชีที่ได้ 11% ต่อปี คุณอาจจะมองว่าสูงแล้วใช่ไหมครับ แต่ถ้าดูจากตลาดโดยรวมที่มีผลตอบแทนเกือบ 18% ประเด็นที่อยากจะชี้ให้เห็นคือ แม้การซื้อ ๆ ขาย ๆ บ่อย ๆ จะไม่ได้ทำให้คุณขาดทุน แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นศัตรูต่อความมั่งคั่งของคุณได้อย่างแน่นอน

บัฟเฟตต์เคยพูดเหน็บตัวเอง ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นปี 1998 ไว้ด้วยว่า ปีนี้เขาดันทำตัวยุ่งมากไปหน่อย จากการตัดสินใจขาย McDonald’s ออกไป ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ทำให้ผลกำไรในปีนี้ลดลง ซึ่งมันจะดีกว่ามาก ถ้าฉันเอาเวลาดังกล่าวแอบไปดูหนังสักเรื่อง

5⃣ อย่าลืม กองทุนดัชนีหุ้น

สุดท้ายบัฟเฟตต์แนะนำ ให้นักลงทุนอย่าลืม พิจารณากองทุนดัชนีหุ้นที่มีผลการดำเนินงานดี และค่าธรรมเนียมต่ำ เป็นตัวเลือกในการลงทุนระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้เราสามารถหาลงทุนได้ง่าย ๆ

เพราะกองทุนดัชนีหุ้นเหล่านี้ จะเป็นตัวกระจายความเสี่ยงในเรื่องผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นแล้ว ยังช่วยที่จะให้นักลงทุนที่ยังไม่มีความมั่นใจใน Circle of Competence ของตัวเอง ได้เริ่มลงทุนกันตั้งแต่เนิ่นๆ ไว้ก่อน เพื่อสะสมก้อนหิมะในการลงทุนของคุณเอง

ที่จริงมีอีกมากมายที่คุณสามารถเรียนรู้จาก วอร์เรน บัฟเฟต ในเรื่องของการลงทุน ถึงแม้มีบางเรื่องที่คุณอาจจะรู้แล้ว แต่การรู้อีกครั้งก็อาจจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการลงทุนของคุณให้ดีได้ยิ่งขึ้นเช่นกัน



สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่
website : https://iyom-bizinspiration.com
facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *