เปลี่ยน To do list เป็น Don’t do list ด้วย 8 คำถามนี้

คุณมี To do list ในการทำงานไหมครับ ?

To do list ก็คือรายการสิ่งที่เราต้องทำ โดยเป็นการดาวน์โหลดรายการทั้งหมดที่ต้องทำออกมาจากสมอง ซึ่งจะเป็นเครื่องมือเพื่อช่วยสร้างให้เกิด Productivity ในชีวิตการทำงานของเรา ทำให้ใครต่อใครมักแนะนำให้ใช้กัน

เราเลยต่างมุ่งเขียน To do list ออกมามากมายหลายข้อ เพราะคิดว่าเสร็จสัก 60% ก็รู้สึกได้ว่า Productivity มาเต็ม แต่คุณรู้ไหมว่าnเคล็ดลับของความสำเร็จอาจจจะไม่ใช่ทำให้ได้ตาม To do list ทั้งหมด แต่มันคือการรู้ว่า สิ่งใดควรทำหรือไม่ควรที่จะทำมากกว่า

การตื่นมาแล้วก้มหน้าก้มตาทำสิ่งที่คุณคิดว่าต้องทำเป็นเรื่องง่าย แต่การเงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า ทำไมต้องทำนั้น อาจเป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก ต่อไปนี้คือคำถาม ที่คุณควรถามตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่า คุณกำลังทำงานที่มีความสำคัญ อยู่จริง ๆ (หรือแค่ทำให้ได้ To do list)

1. ทำไมคุณถึงทำสิ่งนี้

คุณรู้สึกว่ากำลังทำอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่แน่ใจทำไปเพื่ออะไรหรือเปล่าครับ บ่อยครั้งสิ่งที่เราทำ อาจไม่ได้เกิดจากตัวเรา แต่ทำเพราะมีคนบอกว่าต้องทำแบบนี้เท่านั้น และนั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณจึงควรถามตัวเองว่า ทำสิ่งนี้เพื่ออะไรกันแน่ อะไรคือแรงจูงใจที่ทำให้คุณรู้สึกว่าต้องทำ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร ซึ่งเมื่อคุณรู้คำตอบเหล่านี้แล้ว คุณจะเข้าใจงานที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น

2. คุณกำลังแก้ปัญหาอะไร

ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร คุณเองกำลังสับสนหรือเปล่า หรือลูกค้าของคุณกำลังสับสนหรือไม่ คุณกำลังแก้ปัญหา pain point ให้ลูกค้าที่ถูกจุดใช่ไหม หรือไม่บางอย่างก่อนหน้านั้น อาจจะไม่ชัดเจนพอแต่ตอนนี้มันมีปัจจัยอะไรเพิ่มที่จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาได้ การถามคำถามเหล่านี้ จะช่วยให้คุณไม่มัวแต่แก้ปัญหาที่คุณอาจจะทึกทักไปเอง ลองหยุดดูว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

3. มันมีประโยชน์จริงหรือเปล่า

บ่อยครั้งเรามักจะแยกไม่ออกระหว่างความกระตือรือร้นกับความมีประโยชน์ เพราะความกระตือรือร้นจะสั่งให้คุณทำไปอย่างนั้นเหมือนเป็นการบอกตัวเองว่า วันนี้ฉันได้ทำแล้วนะ แต่มันคนละเรื่องกับคำว่ามีประโยชน์ ใช่ครับชีวิตเราคงไม่ต้องทำอะไรที่มีประโยชน์ตลอดเวลา เพราะบางครั้งการลองทำอะไรที่ดูเท่และน่าสนุกบ้าง ก็สร้างสีสันให้กับชีวิต แต่สุดท้ายคุณก็ต้องรู้จักหยุดและถามตัวเองว่ามันมีประโยชน์หรือไม่ ความเท่และความสนุกไม่ใช่สิ่งที่จะอยู่นาน แต่ ประโยชน์นี้สิที่จะคงอยู่ไปอีกนาน

4. คุณกำลังเพิ่มคุณค่าหรือเปล่า

คุณชอบกินเฟรนช์ฟรายส์ใช่ไหมครับ แล้วถ้าราดซอสมะเขือเทศมาด้วยจะยิ่งช่วยให้รสชาติมันอร่อยมากขึ้น แล้วมันแปลว่า ถ้าเราราดซอสมะเขือเทศมากยิ่งขึ้น จะยิ่งทำให้เฟรนช์ฟรายส์เราอร่อยมากขึ้นหรือเปล่า ใช่ครับหลายคนบอกทันทีเลยว่า ไม่อร่อยเพราะไปกลบรสชาติเฟรนช์ฟรายส์ซะหมด

เห็นไหมครับว่า การเพิ่มอะไรสักอย่างเป็นเรื่องง่าย แต่การเพิ่มคุณค่าเป็นเรื่องยาก สิ่งที่คุณทำอยู่ ทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นไหม หรือสินค้าของคุณมีสร้างคุณค่ามากขึ้นให้กับลูกค้าหรือเปล่า ลูกค้าจะได้รับประโยชน์มากกว่าที่เคยเป็นมาใช่ไหม

แต่ต้องระวัง บางครั้งสิ่งที่คุณคิดว่าช่วยเพิ่มคุณค่าให้สินค้ากลับ ลดทอนคุณค่าของมันเสียด้วยซ้ำ เหมือนกรณีซอสมะเขือเทศข้างต้น อย่าลืมว่าคุณค่าขึ้นอยู่กับความสมดุลด้วย

5. มันจะเปลี่ยนพฤติกรรมหรือเปล่า

สิ่งที่คุณทำอยู่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริง ๆ หรือเปล่า อย่าเพิ่มเติมอะไร เข้าไปนอกเสียจากว่ามันจะทำให้ผู้คนใช้สินค้าของคุณต่างไปจากเดิมจริงๆ

6. มีวิธีที่ง่ายกว่านี้ไหม

ปัญหาที่ซับซ้อน อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมีคำตอบที่ซับซ้อนเสมอไป หรือถ้ามันจะซับซ้อน มันก็เป็นหน้าที่ของคุณที่จะต้องถามตัวเองว่า “มีวิธีที่ง่ายกว่านี้หรือเปล่า” เพราะวิธีการที่ง่ายมันจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ อย่ามัวแต่คิดหาคำตอบที่ซับซ้อน เพื่อให้ดูเท่ ดูยิ่งใหญ่ แค่ทำอะไรให้มันง่าย ๆ บางทีก็ได้ใจไปเต็มแล้วครับ

7. ถ้าไม่ต้องทำสิ่งนี้คุณจะทำอะไรแทน

เวลาก็เหมือนต้นทุน ที่คุณต้องเลือกใช้ไปกับเรื่องอะไรที่ให้ผลตอบแทนที่มีคุณค่ามากสุด ลองหาดูว่ามีอะไรบ้างที่คุณไม่ได้ทำ เพราะมัวแต่เสียเวลาทำเรื่องนี้ นี่เป็นคำถามสำคัญในกรณีที่คุณมีทรัพยากรจำกัด ไม่ว่าจะทั้งเรื่องคนและเวลา การจัดลำดับความสำคัญของงานต่าง ๆ อย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณตัดสิ่งที่ไม่ควรทำออกจากเมนูงานของคุณได้ เผลอๆ คุณอาจจะได้เวลาพักที่มีคุณค่าให้คุณได้สร้างสรรค์งานได้เพิ่มขึ้นก็ได้

อย่าลืม เมื่อคุณต้อง ใช้เวลามากมายในการทำอะไรสักอย่าง อย่าลืมว่ามันหมาย ถึงคุณจะไม่มีเวลาทำสิ่งอื่น ๆ ในช่วงนั้นด้วย

8. มันคุ้มค่าจริงหรือเปล่า

สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่คุ้มค่าจริงไหม มันคุ้มค่าที่คุณต้องมานั่งหลังขดหลังแข็ง ข้ามวันข้ามคืนทำไหม มันคุ้มค่าที่จะให้มีการประชุมไหม ที่จะทำให้คนทั้งหมดต้องหยุดทำงาน มันคุ้มไหมที่คุณจะนั่งเครียด กับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำคุ้มค่าไหมกับเงินที่ต้องเสียไป

จงประเมินคุณค่าที่แท้ จริงของสิ่งที่จะทำก่อนเริ่มลงมือเสมอ

ลองถามตัวเอง (และคนอื่นๆ) ด้วยคำถามต่าง ๆ ที่กล่าวมาอยู่เสมอ และที่สำคัญคือ ต้องกล้าเผชิญหน้ากับข้อสรุปของตัวเอง แม้บางครั้งการละทิ้งสิ่งที่คุณทำอยู่ แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะคุณลงทุนลงแรงไปแล้ว แต่มันก็อาจเป็นทางออกที่ดีกว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองเสียเวลามากยิ่งขึ้นกับงานที่แทบไม่มี ประโยชน์อะไรเลย

———————————————————————————————————

สนใจข้อมูลธุรกิจ การเงิน การลงทุน เล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ พร้อมทั้งแรงบันดาลใจดีๆ ในการสร้างฝัน ติดตาม iYom Biz+Inspiration ได้ที่

website : iyom-bizinspiration.com

facebook : https://www.facebook.com/iYomBizInspiration/